วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีใช้ หนังสือพิมพ์+ถุงดำ กันหนาว กันฝน ยามฉุกเฉิน


วิธีการเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายยามฉุกเฉินและกันฝนได้ด้วย โดยใช้วัสดุหาง่ายใกล้ตัว อย่าง หนังสือพิมพ์ ถุงดำขนาดใหญ่ กรรไกรและมีด




















- โดยขั้นแรกใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อคลุมร่างกาย
- แล้วนำถุงดำขนาดใหญ่พลิกสันขอบถุงมาเป็นด้านหน้าแล้วตัดเป็นรูปวงกลมสำหรับเว้นไว้หายใจ ให้รูครอบพอดีศีรษะ
- ใช้ถุงนั้นคลุมศีรษะทับลงไปอีกชั้น ใช้กันฝนและลมหนาวได้
(ภาพประกอบโดย ญาสินีเศรษฐอนุกูล จากเฟซบุ๊ก หน้าเพจ ดีไซน์ ฟอร์ ดีแซสเตอร์ (design for disaster)
ขอบคุณสำหรับข้อมูล สาระน่ารู้ และ ความรู้รอบตัว และข่าวดีๆที่ร่วมสร้างสรรค์สังคม และการศึกษาไทย จาก ไทยรัฐออนไลน์





























ที่มา blog.eduzones.com/wigi/85315

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

มือใหม่เริ่มวิ่งทำอย่างไร


หลังที่เราหันมาสนใจการออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว ร่างกายก็จะค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น คุณจะรู้สึกว่าเดินได้ระยะทางมากหรือไม่ก็เดินได้เร็วมากขึ้น โดยที่ไม่เหนื่อยเหมือนเก่าหรือเหนื่อยน้อยลง
คราวนี้คุณคงอยากจะเริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งบ้างแล้ว เพราะรู้สึกว่าแค่เดินจะไม่ทันใจเสียแล้ว ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรามาดูข้อดีของการออกกำลังกายประเภทเดินเร็วหรือวิ่งจ๊อกกิ้งกันว่า อรรถประโยชน์แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
การออกกำลังกายที่หัวใจและปอดได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนเลือดเป็นไปอย่างดี เราเรียกการออกกำลังกายประเภทนี้ว่า แอโรบิก เอ็กเซอร์ไซส์ คำจำกัดความแท้จริงคือ การใช้ออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอในการออกกำลังกาย ซึ่งไม่ใช่แค่การเต้นแอโรบิก แต่รวมถึงการเดินเร็ว วิ่งจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือแม้แต่เล่นสกี
การออกกำลังกายเหล่านี้ จะต้องอาศัยการทำงานของปอดและหัวใจอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอเหมือนรถที่วิ่งในความเร็วคงที่ ไม่กระโชกโฮกฮาก แบบการเล่นกีฬาบางประเภทที่มีทั้งอยู่กับที่ วิ่งเร็วบ้าง วิ่งช้าบ้าง แบบนั้นไม่ใช่การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งทำร้ายการทำงานของหัวใจมากกว่าการช่วยให้หัวใจแข็งแรง ซึ่งเรามักได้ยินข่าวอยู่บ่อยที่เล่นฟุตบอลหัวใจวาย เล่นเทนนิสหัวใจวาย
สำหรับมือใหม่หัดวิ่งหรือหัดเดินเร็ว สิ่งที่สมควรลงทุนมากสุดคือรองเท้าที่ดีเหมาะสมกับเราหนึ่งคู่ หากท่านได้เริ่มเดินจนรู้สึกดีมาระยะหนึ่งแล้วก็เรามาเริ่มวิ่งจ๊อกกิ้งกัน
แต่อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือการยืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกาย ให้เตรียมพร้อมกับการออกกำลังกาย ทั้งก่อนและหลังการวิ่ง เป็นเรื่องที่ลดการบาดเจ็บและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ดีมาก
เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ต้องมิดชิดมาก คนเริ่มวิ่งใหม่ ๆ มักจะอายหรือไม่คุ้นกับตัวเอง มักใส่เสื้อผ้ารุ่มร่าม ขอแนะนำ เสื้อยืดแขนสั้นหลวม ๆ สีอ่อน(เพราะจะไม่ดูดแสงทำให้ร้อนไป) กางเกงขาสั้นดีกว่าขายาว แต่แรก ๆ ยังเขิน ๆ ก็พออนุโลมกันได้

วิ่งที่ไหนดี

คำตอบคือที่ไหนก็ได้ที่มีที่ให้เราวิ่ง ในหมู่บ้าน สวนสาธารณะใกล้บ้าน ริมถนนที่ไม่ค่อยมีรถ วิ่งได้ทั้งนั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนไปที่ยิม เพราะบางทีจะเสียเงินฟรี กับการจ่ายค่าสมาชิกแล้วไปไม่กี่ครั้ง

วิ่งเร็วแค่ไหน

เริ่มแรกไม่ต้องเน้นความเร็ว การออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน็ให้เน้นที่ระยะเวลามากกว่าระยะทาง เริ่มแรกควรวิ่งได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 20 นาที ในระยะเวลา 20 นาทีนี้ถ้ามีเพื่อนวิ่งด้วย ให้วิ่งแบบวิ่งไปคุยกันไปรู้เรื่อง ถ้าเริ่มคุยไม่ได้ เริ่มหอบ หายใจไม่ทัน แสดงว่าวิ่งเร็วเกินไปแล้ว ให้ลดความเร็วลงมา

ท่าวิ่งสำคัญ อย่าลงปลายเท้า
วิ่งจ๊อกกิ้งไม่ใช่วิ่งเร็วหรือวิ่งแข่ง การลงเท้าสัมผัสพื้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ อย่าลงด้วยปลายเท้าแบบนักวิ่งร้อยเมตรเพราะเราไม่ได้เน้นความเร็ว ขอให้วิ่งลงส้นเท้าหรือตั้งแต่กลางเท้าสัมผัสพื้นก่อน แล้วค่อยตามด้วยปลายเท้าด้านหน้า
วิ่งแบบนี้จะวิ่งได้นาน น่องจะไม่เกร็ง
ไม่ล้า ไม่ปวดเมื่อย และป้องกันการบาดเจ็บ
ได้มาก ส่วนแขนสองข้างงอขึ้นมาสบายๆ กำมือหลวมๆ อยู่ราวหน้าอก ไม่ต้องกุมอกแน่นแบบสาวๆ หลายคน ที่กลัวหน้าอกหน้าใจจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงลงมา หลักง่ายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องยกสูง

อย่าฝืนวิ่ง ไม่ไหวสลับเดินได้
ตั้งเป้าไว้ว่าต้องวิ่งให้ได้เท่านั้นเท่านี้ บางทีมือใหม่อาจหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งไปได้ ถ้ารู้สึกว่าร่างกายไม่เอาด้วย อย่าได้ฝืน วิ่งให้ช้าลง หรือไม่ไหวจริงๆ ก็สลับเดินได้ อย่าได้วิ่งแล้วหยุดกึกทันที ทำแบบนี้จะอันตรายหน้ามืดได้ ต้องเดินต่อเนื่องให้ร่างกายได้ปรับตัว พอหายเหนื่อยก็กลับไปวิ่งเหยาะในความเร็วเดิมได้
ทำแบบนี้บ่อยๆ ในช่วงเริ่มต้น คุณจะแปลกใจกับความแข็งแกร่งของร่างกาย รู้สึกว่าเหนื่อยน้อยลง หรือไม่ก็วิ่งโดยไม่ต้องหยุดได้ครบระยะเวลาที่ตั้งใจ

เตรียมตัวอย่างไรก่อนวิ่ง
ไม่ควรกินอาหารหนักก่อนวิ่งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพราะร่างกายต้องการเลือดส่วนใหญ่ไปที่กระเพาะอาหาร เพื่อช่วยการย่อยอาหาร หากเราไปออกกำลังกายช่วงนี้ เลือดในร่างกายก็ถูกดึงไปใช้เลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการย่อยอาหารที่ไม่สมบูรณ์ ท้องอืด ท้องเฟ้อ และทำให้จุกเสียดท้องได้
แต่ไม่ใช่ว่าต้องท้องว่าง คุณอาจทานอะไรเบา ๆ เพื่อเป็นพลังงานในการเตรียมการออกกำลังกาย เช่น น้ำผลไม้ นมครึ่งแก้ว ผลไม้ชิ้นสองชิ้น ทำให้เราออกำลังกายได้สนุกมากขึ้น
เรื่องน้ำดื่ม อย่าได้เชื่อผิด ๆ ว่าระหว่างการวิ่งอย่ากินน้ำทำให้จุก จะเป็นจริงก็เพราะดื่มมากไป การวิ่งหรือเล่นกีฬา ต้องมีการจิบน้ำเป็นระยะ เพื่อให้ความสดชื่นแก่ร่างกายที่เสียเหงื่อออกไป และช่วยลดความร้อนในร่างกายขณะออกกำลัง

วิ่งบ่อยถี่แค่ไหนเหมาะสม
ตามทฤษฎี สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 -30 นาที ร่างกายถึงจะได้ประโยชน์ หัวใจและปอดจะแข็งแรงดี แต่ถ้าทำได้มากกว่านั้นก็ยิ่งมีประโยชน์ แต่ส่วนใหญ่จะทำได้น้อยกว่านี้ ช่วงแรก ๆ พยายามทำให้ได้ตามนี้ เมื่อทำเป็นนิสัยคุณจะรู้ว่าการออกกำลังกายจะทำให้คุณปลอดโปร่งได้มากแค่ไหนทั้งภายในร่างกายและสภาพจิตใจ

อ่านจบแล้ว นึกอยากออกไปวิ่ง อยากออกไปเดิน ทำได้ทันที ไม่ต้องรอใครไม่ต้องชวนเพื่อน เอารองเท้าออกมา ใส่ชุดสบาย ๆ เอา IPOD หรือ MP3 โทรศัพท์มือถือเปิดเพลงมัน ๆ ไปกับเราด้วย ให้เวลาตัวเองซักครึ่งชั่วโมง ทำไมจะหาไม่ได้ ในเมื่อเราให้คนอื่น เรายังให้ได้มากกว่านี้

ที่มา Never-Age.com

มารยาทบนโต๊ะอาหารของชาวญี่ปุ่น

การเรียนต่อในประเทศญี่ปุ่นนั้น นักเรียนอาจมีโอกาสได้เข้าร่วมรับประทานอาหารกับชาวญี่ปุ่น ดังนั้นการเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารนั้น จึงเป็นสิ่งที่ควรศึกษาไว้เป็นความรู้ที่ติดตัวไปด้วย
สำหรับบ้านเรานั้นถึงแม้เราจะใช้ช้อนส้อมเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีโอกาสใช้ตะเกียบในการรับประทานอยู่ไม่น้อย ชาวญี่ปุ่นนั้นแทบทุกบ้านจะใช้ตะเกียบในการรับประทานอาหาร ดังนั้นขอให้นักเรียน เรียนรู้มารยาทการรับประทานอาหารด้วยตะเกียบ การปฎิบัติเหล่านี้บนโต๊ะอาหารเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
การกำตะเกียบเป็นกิริยาที่ไม่ดีเป็นการจับตะเกียบและถ้วยข้าวด้วยมือเดียวกัน
“ โยเซบาฉิ” การเลื่อนชามไปข้างหน้าด้วยตะเกียบ (จะโยกย้ายอะไรก็ใช้มือให้สุภาพเข้าไว้)
“ ซึคิบาฉิ” การเสียบอาหารด้วยตะเกียบ
“ ซากุริบาฉิ” การเลือกอาหารที่มีรสอร่อย หรือน่ากินในจานอาหาร (อย่าลืมว่าใครๆก็อยากรับประทานของอร่อยในจานเหมือนกัน อย่าเผลอเลือกรับประทานคนเดียวจนหมด)
“ มาโยอิบาฉิ” การถือตะเกียบจดๆจ้องๆไตร่ตรองถึงสิ่งที่จะรับประทานอาหารบนโต๊ะอาหาร (หรือพูดง่ายๆว่า เล็งรับประทานอะไรไว้ก็มุ่งหนีบรับประทานซะดีกว่า เลือกไปเลือกมาดูเหมือนจะทิ้งของที่ไม่อร่อยให้คนอื่นรับประทาน ชาวญี่ปุ่นเป็นอะไรที่เก็บความรู้สึก ถึงอยากรับประทานก็ต้องมีมารยาทไว้ก่อน)
การเสียบตะเกียบไว้บนข้าวก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรปฎิบัติ

ที่มาwww.thaigoodview.com/node/9780

บทความ มารยาท

มารยาทบนโต๊ะอาหารของชาวญี่ปุ่น

น้ำลายไหลไปกับ นิกุยะ แจแปนนิส บาร์บีคิว บุฟเฟต์


ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลย จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ลำบาก ว่าแล้วเรื่องหาของกินก็เรื่องใหญ่พอๆ กัน ฝนจะตกยังไงท้องก็ยังต้องอิ่ม วันนี้เลยขอหลบฝนไปนั่งชิลล์ๆ สบายๆ ไปลองลิ้มชิมรสชาติร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เสมือนได้ไปนั่งกินที่โอซาก้ากันเลยที่ นิกุยะ แจแปนนิส บาร์บีคิว บุฟเฟ่ต์ (NIKUYA Japanese BBQ Buffet) บรรยายเว่อร์ไปนิดส์ แต่ต้องบอกว่าสาขาที่เราเลือกไปทานวันนี้ คือ สาขา ฟิฟท์ตี้ ฟิฟท์ ทองหล่อ ซ.2 (ชั้น 1) คนไม่เยอะมาก พอนั่งกันสบายๆ
เริ่มต้นเบาๆ กันที่บาร์ผักสดชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสลัดผักรวม ข้าวโพดสองสี พริกหวาน หอมหัวใหญ่ เห็ดหอม เห็ดออรินจิหมักซอสเกาหลี กิมจิ เมนูข้าว และผลไม้ต่างๆ

ด้วยเป็นร้านปิ้งย่างสิ่งที่ต้องเด่นสุดคือ บาร์ของสด กลุ่มเนื้อสัตว์ที่คัดสรรมาให้เราได้ทานกันนั้นมีละลานตาจนเลือกไม่ถูก ที่เด่นๆ ของที่นี่ คือ หมูหมักซอสเกาหลี ซี่โครงหมูหมักซอสบาร์บีคิว ไก่หมักซอสเทริยากิ เบคอน กุ้ง ปลาแซลม่อนจากประเทศนอร์เวย์ หอยแมลงภู่สดจากประเทศนิวซีแลนด์ เนื้อวัวนำเข้า เนื้อวัวติดมัน เนื้อวัวหมักซอสเกาหลี โดยเนื้อวัวนั้นคัดสรรอย่างดีจากประเทศออสเตรเลีย

หมูหมักซอสพริกไทยดำ
เบคอน
หมูหมักซอสเกาหลี
สันคอหมู
วันที่ไปโชคดีมาก เป็นช่วงพิเศษที่ทางร้าน เพิ่มเมนูมาใหม่อีก 3 เมนูได้แก่ เนื้อวัวลูกเต๋าคัดอย่างดี ปลาไข่ ปลาซาบะ และยังมีเมนูอื่นๆกว่า 50 รายการให้คุณได้เลือกสรรตามใจชอบ
เห็นเครื่องคาวกันครบถ้วนแล้ว (ตักทุกอย่าง ไม่เชื่อดูสิ) ก็ถึงเวลาที่รอคอยกันมานาน จับลงเตาปิ้งให้เต็มทุกตารางนิ้ว รัตตี้มีเคล็ดลับสำคัญในการทานเนื้อย่างให้อร่อยมาฝาก เพียงตอนปิ้งนั้นต้องกลับเนื้อเพียงครั้งเดียวและไม่ย่างจนแห้งเกินไป
มาดูตรงนี้กันหน่อย ความพิเศษของร้านนี้อยู่ที่การเลือกใช้ถ่านชนิดพิเศษที่ทำจากกากมะพร้าว 100% ทำให้การปิ้งย่างของคุณนั้นไร้ควันและกลิ่นรบกวนอย่างแน่นอน ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินกับการปิ้งย่างอย่างไรกังวลและลิ้มรสความเป็นญี่ปุ่นจ๋าแบบไม่รู้ลืม กินปิ้งย่าง ความเด็ดอยู่ที่ "น้ำจิ้ม" ที่ นิกุยะ เค้ามีน้ำจิ้มทั้งหมด 3 แบบ สูตรพิเศษที่ทางร้านมีมาให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน
นิกุยะซอส สูตรพิเศษสไตล์ทีวีแชมเปี้ยนจากญี่ปุ่น เนื้อซอสเข้มข้นอร่อยแบบญี่ปุ่นจ๋าแท้ๆ ปรุงรสเพิ่มด้วยโคจูจัง พริกสด กระเทียมสับ และน้ำมะนาว สักหน่อยรับรองจัดจ้านถึงใจ
ส่วนใครที่ไม่ชอบเผ็ดก็ต้องยากินิกุซอส รสชาติจะออกหวานๆแบบกลมกล่อม มีกลิ่นหอมอ่อนๆของงา เป็นได้ทั้งน้ำจิ้ม ทั้งซอสราดบนเนื้อสัตว์และผักต่างๆ ก่อนนำไปย่างราดไว้เพียง 1 นาทีก็จะได้เนื้อนุ่มๆกลิ่นหอมๆ อร่อยไปอีกแบบและน้ำจิ้มซีฟู้ด ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารทะเลสดๆ รับรู้ได้เลยว่าทุกอย่างล้วนปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้รสชาติของน้ำจิ้มที่เข้ากันอย่างลงตัวกับอาหารสไตล์ปิ้งย่าง
ว่าแล้วก็ได้เวลาเอาทุกสิ่งอย่างที่อธิบายมาทั้งหมดเข้าปาก..... ไม่ต้องน้ำลายไหลกันล่ะ ที่นิกุยะเค้าให้เวลาความสุขในการรับประทานอยู่ที่ 2 ชั่วโมง รับรองว่าใครที่ชอบกินบุฟเฟ่ต์ได้อิ่มพุงแตกแน่
ค่าอาหารรวมค่าน้ำแล้วอยู่ที่ 479 บาทต่อคน ผู้ที่ชื่นชอบการทานเนื้อย่างห้ามพลาดร้านนี้เป็นอันขาด
สามารถติดตามโปรโมชั่นของนิกุยะ แจแปนนิส บาร์บีคิว บุฟเฟ่ต์ได้ที่http://www.facebook.com/NikuyaBuffet นิกุยะมีทั้งหมด 5 สาขา คือ ยูดี ทาวน์ ศูนย์การค้า ยูดี ทาวน์, เซ็นทรัลพลาซารัตนาธิเบศร์, ฟิฟท์ตี้ ฟิฟท์ ทองหล่อ ซ.2 (ชั้น 1), Asiatique TheRiverfront และซีคอนสแควร์
เรื่องโดย : รัตตี้
ภาพโดย : Pockii Vtec

เตรียมไปชมทุ่งดอกทานตะวัน เขาจีนแล ลพบุรี


มีใครคนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า ฤดูหนาวทำให้หญิงสาวแลดูสวยขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถ้าคุณอยากให้หญิงสาวของ คุณดูสวยยิ่งไปกว่านั้น ลองพามาเที่ยวชมทุ่งทานตะวันในฤดูหนาว สายลมเย็นและแสงแดดอ่อนยามเช้าที่คลอเคลียหยอกเย้ากับทุ่งทานตะวันจะช่วยกล่อมเกลาความงามของหญิงสาวให้โชติช่วงขึ้นอีกหลายเท่าตัว...ตราบเท่าที่ความโรแมนติกยังคงตลบอบอวลอยู่ในใจ...
คนหลังกล้องส่วนใหญ่เคยไปเยือนทุ่งเหลืองอร่ามของดอกทานตะวันมาแล้ว ที่เคยไปมากกว่า 1 ครั้งก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยเช่นกันที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ทุ่งทานตะวันไม่ได้มีอยู่แค่ที่สระบุรี ในพื้นที่ของจังหวัดที่อยู่ติดกันคือ อีกแหล่งหนึ่งที่มีทุ่งทานตะวันเช่นกัน ที่ยิ่งไปกว่าก็คือมีทิวทัศน์ทั้งฉากหน้าฉากหลังที่ตระการตา และที่ถือว่าเป็นที่สุดก็คือ พื้นผิวโลกในส่วนนี้ คือแหล่งที่มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในเมืองไทย......มากจนถึงระดับที่ว่า มองไปสุดตารอบด้านก็ยังไม่พ้นสีเหลืองอร่ามของตะวันดวงน้อยเหล่านี้เสียที...เทือกเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาที่ทอดตัวยาวทะมึนเป็นสีเข้มตัดกับสีใสๆ ของท้องฟ้าตรงหน้าของแผ่นดินพระนารายณ์แห่งนี้คือ "เขาจีนแล" แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดลพบุรีเมื่อยามลมหนาวพัดโชยมาถึง เนื่องด้วยเป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดในประเทศ ราวๆ สองถึงสามแสนไร่ (และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก) ถ้านึกภาพไม่ออกว่ากว้างใหญ่ขนาดไหน ก็ลองจินตนาการถึงสนามฟุตบอลสามหมื่นเจ็ดพันสนามที่เรียงต่อกันดูเอาเอง
นอกจากความกว้างใหญ่ไพศาลของทุ่งเหลืองอร่ามที่ทำให้มันมีชื่อเสียงแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนถ่ายภาพมากๆ ก็คือ เทือกเขาจีนแล ที่ทอดตัวยาวเป็นฉากหลังของที่นี่ ที่ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดูมีเรื่องราวและตัวแบบมากกว่าทุ่งทานตะวันเพียวๆ ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่จะช่วยให้ภาพดูตื่นเต้นอลังการยิ่งขึ้น อีกทั้งเขาจีนแลก็เป็นภูเขาหินปูนที่มีรูปลักษณะสันฐานแปลกตาต่างจากภูเขาธรรมดาทั่วไป ยิ่งเพิ่มความน่าดูเข้าไปอีก ซึ่งก็สุดแท้แต่ใครจะหามุมเด็ดในดวงใจแล้วเก็บภาพเอาไว้ได้ เมื่อทุ่งทานตะวันรวมตัวกันกับเทือกเขาหินปูน จึงนับว่านี่คืออีกหนึ่งสถานที่ในฝัน สวรรค์ของคนบ้ากล้องเลยทีเดียว..." หลายคนคงเคยได้ยินชื่อเสียงของแหล่งทุ่งทานตะวันลพบุรีอย่าง "เขาจีนแล" "อ่างฯ ซับเหล็ก" "พัฒนานิคม" กันมาบ้างแล้ว ซึ่งทั้งสามชื่อนี้ก็คือละแวกเดียวกัน คณะของเราได้เคยแวะเข้ามาหาข้อมูลเมื่อครั้งทำคอลัมน์ "เจ็ดโถงถ้ำแห่งสองบุรี" ได้เห็นพื้นที่เพาะปลูกทุ่งทานตะวันหน้าเขาจีนแลว่ามีขนาดกว้างขวางสุดประมาณ แต่ที่ยิ่งทำให้เราตื่นตะลึงมากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือทางด้านหลังเขาจีนแลก็ยังมีพื้นที่เพาะปลูกทานตะวันที่กว้างใหญ่กว่ามาก เพียงแต่ถนนหนทางไม่ได้สะดวกมากมายนัก ถ้ามาถูกเวลา (เดือนพฤศจิกายน) เราจะได้เห็นแนวหุบเขาทานตะวันยาวเหยียดเหลืองอร่ามสุดตา โดยมีลักษณะแปลกตาของเขาจีนแลเป็นฉากหลังที่ดูอลังการยิ่ง
ในอีกด้านหนึ่งนั้นก็คือเรื่องของสถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ที่ใดในโลก รวมไปถึงบรรดารูปเคารพบูชาทั้งพระพุทธรูปและตุ๊กตาหินขนาดใหญ่ต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างความประทับใจอย่างไม่มีที่ใดเสมอเหมือนการเดินทางไปยังทุ่งทานตะวันแห่งนี้โดยใช้รถส่วนตัวจะสะดวกและเหมาะมากที่สุด เพราะนอกจากจุดท่องเที่ยวหลักหน้าเขาจีนแลแล้ว เราต้องเลาะลัดหามุมไปตามถนนสายต่างๆ ในบริเวณนี้ ซึ่งก็จะเป็นมุมภาพที่แปลกแตกต่างกันไป บางจุดก็เป็นแหล่งที่มีนกหน้าตาแปลกๆ ยึดพื้นที่หาอาหารในทุ่งทาน-ตะวันแห้ง สามารถเก็บภาพกันได้เพลินทั้งวัน ถึงแม้ว่าแสงแดดจะค่อนข้างแรง แต่สายลมเย็นช่องเขาแห่งฤดูหนาวก็ช่วยให้เราสดชื่นมีแรงกดชัตเตอร์กันได้ตลอดเวลา
บริเวณใกล้เคียงกันนั้นก็ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ให้เปลี่ยนบรรยากาศอีกหลายจุด ไม่ว่าจะมาแบบเช้าไปเย็นกลับหรือแวะพักสักคืนหนึ่งก็ไม่มีปัญหา เพราะห่างจากตัวเมืองสระบุรีออกมาแค่ ราวๆ 40 กม. หรือจากกรุงเทพเพียงร้อยกิโลเมตรเศษๆ เท่านั้น ปีนี้มาไม่ทันเพราะโปรแกรมเต็มก็ไม่เป็นไร ปีต่อๆ ไปอย่าลืมจัดโปรแกรมมาที่นี่ก่อนที่จะเอ้าท์เสียก่อน เพราะถึงปลายปีทีไร ใครๆ ก็เรียกหาคอลเลคชั่นภาพทุ่งทานตะวันเสียทุกทีไป...
ไม่เชื่อก็ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าสายลมหนาวแห่งหุบเขาทานตะวันที่ชื่อ "จีนแล" จะทำให้หญิงสาว สวยขึ้นได้อีกหลายเท่าจริงหรือไม่ ?
ที่มา:  http://travel.sanook.com

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ดร.ต่าย นักวิจัยหญิงไทย ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก

นักวิจัยหญิงไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก อยากรู้จักกันแล้วใช่ไหมเอ่ย? ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ หรือ ดร.ต่าย เธอเป็น 1 ใน 43 นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นรุ่นใหม่จากทั่วโลกในงาน World Economic Forum

ที่มา: http://women.sanook.com

เทคนิคเรียนเก่ง ความจำดี

เพิ่มประสิทธิภาพการเรียน
หลักการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนหนังสือ 6 ประการซึ่งมีผู้นำไปปฏิบัติแล้วได้ผลดีมีดังนี้
1. สะสม(Gradual) เรียนอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะสมวันละนิดไม่ใช่หักโหมก่อนสอบ
2. ทำซํ้า( Repetition) ทบทวน ท่อง และทำแบบฝึกหัดซํ้า ๆ
3. ย้ำรางวัล(Reinforcement) ควรให้รางวัลตัวเองเมื่อ ทำงานสำเร็จในแต่ละครั้งเพื่อให้ขยันขึ้น
4. ขยันคิด(Active Learning) จงใส่ใจคิดตามเสมออย่าฟังหรืออ่านไปเรื่อย ๆ
5. ฟิตปฏิบัติ(Practice) ต้องลงมือปฏิบัติให้เกิดความชำนาญไม่ใช่รู้แต่ทฤษฏีอย่างเดียว การลงมือปฏิบัติจริงจะทำให้จำแม่นยำเกิดการถ่ายโยงความจำระยะสั้นให้เป็นระยะยาว
6. หาทางบังคับตัวเอง (Stimulus Control) โดยอาศัยการจัดสิ่งแวดล้อมเป็นตัวเร่งและกระตุ้นจากหลักการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน 6 ประการดังกล่าว ถ้าเราปฏิบัติตนให้ถูกวิธี เราจะประสบผลสำเร็จ มีผู้เสนอข้อปฏิบัติตนที่ดีไว้มากมาย

ต่อไปนี้เป็นข้อปฏิบัติตนที่ได้คัดเลือกให้ท่านลองนำไปปฏิบัติดูเพียง 5 ข้อ
ข้อปฏิบัติตนของการเป็นผู้เรียนที่ดี
1. เวลาฟังอาจารย์สอนหรือเวลาอ่าน ต้องคิดตาม ถาม จด ตลอดเวลา ถ้าไม่เข้าใจควรจดคำถามไว้เพื่อคิดค้นคว้าหรือถามผู้รู้ต่อไป
2. หามุมที่ใช้เป็นที่ดูหนังสือหรือทำการบ้านที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ
3. จัดเวลาสำหรับทบทวนสิ่งที่เรียนมา หรืออ่านล่วงหน้าสิ่งที่จะเรียนต่อไป และถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ควรให้รางวัลตัวเอง เช่น ได้ขนม ได้เล่น
ได้ฟังเพลง ดูทีวี ได้ออกกำลัง เป็นต้น ถ้าทำไม่ได้ตามกำหนดควรหาเวลาชดเชย
4. ท่องหนังสือกับเพื่อน อย่าหวงวิชา แบ่งปันความรู้อธิบายให้กันและกัน อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด เช่น ทุจริตเวลาสอบ หรือให้ลอกงานโดยไม่เข้าใจ
5. ฝึกศึกษาด้วยตนเอง มิใช่ต้องเรียนจากครูเพียงอย่างเดียว การศึกษาด้วยตนเองต้องใช้สมาธิมาก ต้องทำความเข้าใจจดสาระสำคัญต่าง ๆ
ลงในโน้ตย่อ จดสิ่งที่ไม่เข้าใจไว้ค้นคว้าต่อไปขอให้ท่านลองปฏิบัติตาม 5 ข้อนี้ โปรดสำรวจตัวท่านเองทุกสัปดาห์ว่า ท่านยังขาดข้อใดบ้างพยายามปรับปรุงทำให้ได้ ต้องอดทน แม้ว่าจะเป็นนิสัยเดิมก็ตาม ถ้าท่านทำได้รับรองว่าท่านจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนคนหนึ่งแน่นอน
หากท่านยังไม่สามารถปฏิบัติตนดังกล่าวได้ ท่านต้องหาสาเหตุอื่น ๆอีกเช่น

ท่านขาดแรงจูงใจในการเรียนหรือไม่
เวลาทำใจไม่จดจ่อ (ขาดสมาธิ) ใช่หรือไม่
อ่านเท่าไรก็ไม่จำ (อ่านไม่เป็น) ใช่หรือไม่
คิดเท่าไรก็ไม่ออก ใช่หรือไม่

ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับตัวท่านแล้วท่านจะต้องหาทางแก้ไขและฝึกฝนตนเองในจุดที่ท่านบกพร่องเช่นในด้านความจำ เป็นสิ่งสำคัญมากในการเรียนคณิตศาสตร์ เราต้องทำความเข้าใจก่อนแล้วจำ
ทำอย่างไรเราจะจำดี
จากการศึกษาของนักจิตวิทยาเกี่ยวกับการจำการลืมของมนุษย์พบว่า คนเรามีอัตราการจำหรือลืมดังนี้
เมื่อเวลาผ่านไป หนึ่งวัน คนเราจะจำเรื่องราวที่ตนอ่านไปได้ประมาณ 50% และลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งทุก ๆ 7 วัน จนในที่สุด จะนึกไม่ออกเลยเมื่อผ่านไป 21 วัน ทางแก้การลืมความรู้ก็คือไปทบทวนทันทีที่เราเรียนในแต่ละ วันเพื่อมิให้เกิน 24 ชั่วโมง จากนั้นเราทิ้งช่วงไปทบทวนรวบยอดในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เพื่อมิให้เกิน 7 วัน ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์จะทบทวนสิ่งที่เรียนมาทั้งสัปดาห์
เนื่องจากแต่ละวันความรู้จะพอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ เราควรทำโน้ตย่อและทบทวนจากโน้ตย่อสาระสำคัญ จะช่วยให้เราเสียเวลาทบทวนน้อยลง
บทความโดย : ผ.ศ.ดร.สมวงษ์ แปลงประสพโชค
ที่มา : ศูนย์พัฒนาสื่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ พระนคร