เพชรบุรี - นครปฐม สองจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่นอกจากจะมีสถานที่ท่ิองเที่ยวมากมายที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีแล้ว สองจังหวัดใกล้กรุงแห่งนี้ก็ยังมีสถานท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งที่ไปแล้วคุณจะติดใจไม่รู้ืลืม ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้างนั้น ตาม สนุก! ท่องเที่ยว และ ททท. ภูมิภาคกลาง งานแผนปฏิบัติการตลาดภาคกลาง ไปซอกแซกกันได้เลย
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่เราจะพาไปเที่ยวชมกันก็คือ ตลาดสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์แห่งนี้ หรือที่เรียกกันในอดีตว่า "ตลาดสดท่านา" นับเป็นตลาดสดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่คู่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชนริมน้ำนครชัยศรีมากกว่า 140ปี พร้อมสัมผัสความสวยงามเชิงศิลปกรรม อาคารตึกแถวไม้ที่มีอายุกว่า 90 ปี ที่ตั้งอยู่โดยรอบตัว "ตลาดท่านา" นามนี้มีที่มาซึ่งในอดีตพื้นที่บริเวณโดยรอบตลาดแห่งนี้เดิมปกคลุมไปด้วยพื้นที่ทำนา รวมถึงเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าและท่าขึ้นข้าวเดิมในอดีตเนื่องด้วยทำเลที่ตั้งที่ติดริมแม่น้ำนครชัยศรี จึงทำให้สะดวกต่อการคมนาคมค้าขายทางเรือผ่านแม่น้ำนครชัยศรี ปัจจุบันตลาดน้ำท่านา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พร้อมได้รับการดูแลปรับปรุงพื้นที่ตลาดให้ได้มาตรฐานตลาดคุณภาพของกรมอนามัย และยังคงอนุรักษ์คุณค่าวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมให้คงอยู่ ภายในตลาดท่านาแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารการกินทั้งร้านอาหารคาว หวาน นานาสารพันชนิด รวมถึง ส้มโอมณฑลนครชัยศรี ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐม อีกทั้งร้านขายของเก่ามากมายไว้รอคอยการมาเยือนของนักท่องเที่ยว
ต่อจากนั้นเราเดินทางต่อไปกันยัง "พิพิธภัณฑ์ศิลปะนกฮูก" อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แหล่งท่องเที่ยวเชิงการศึกษาที่รวบรวมเอางานศิลปะและงานออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนกฮูก (Owl) ผลงานที่รวบรวมมาจัดแสดงเป็นของสะสมของ รศ.ปรีชา ปั้นกล่ำและครอบครัวที่ใช้เวลาในการรวบรวมประมาณ 5 ปี มีงานจากเอเชีย ยุโรป อเมริกา ภายในจัดแสดงศิลปะนกฮูกแบ่งเป็น 7 ส่วนตามความหลากหลายของวัสดุที่ใช้สร้างสรรค์ผลงานไม่ว่าจะเป็น กระดาษ , เครื่องปั้นดินเผา , โลหะและแก้ว , เรซิ่น , ผ้าและหนัง , เครื่องประดับ , ไม้ นอกจากนี้ยังมีร้าน Owlet Museum Shop ขายของที่ระลึกน่ารักจากพิพิธภัณฑ์มีสินค้า หัตถกรรมมากมาย โดยรวบรวมของทุกอย่างที่ออกแบบจากนกฮูกไว้ให้ผู้มาเยี่ยมชมได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก และร้านกาแฟ Owisdom Coffee มีเครื่องดื่มและอาหารว่างแสนอร่อยไว้คอยบริการ นอกจากส่วนของการจัดแสดงผลงานแล้ว พิพิธภัณฑ์ศิลปะนกฮูกยังมี COURSE FOR KID เปิดสอนศิลปะสำหรับเด็กและ STUDIO FOR ALL ซึ่งมีกิจกรรมศิลปะที่หลากหลายเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัยไว้สำหรับผู้ที่สนใจจะสร้างสรรค์ผลงาน
เราเดินทางออกจากนครปฐม ต่อไปยัง จังหวัดเพชรบุรี อำเภอแก่งกระจาน ณ ท่าเรือ พรฑณา รีสอร์ท เพื่อร่วม"ผจญภัยบนสายน้ำใส ไหลเย็นล่องแก่งกระจาน" งานนี้ได้รับเกียรติ์จาก คุณนงนิตย์ เต็งมณีวรรณ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม "การแข่งขันแรลลี่เรือยาง Essilor Eco Challenge" เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่บูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมใจพัฒนามาตรฐานกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย พร้อมส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมใหม่ๆอยู่เสมอ
หลังจากตัดริบบิ้นเปิดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสียงตบมือพร้อมร้อง..เฮ ดังทั่วบริเวณ บรรยากาศภายในงานสดชื่นผู้ร่วมกิจกรรมมีสภาพความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะหน้าตาดี ยิ้มแย้ม น้ำเสียงแจ่มใสกันทุกคนได้เวลาปล่อยตัวแต่ละทีมวิ่งเข้าหาเรือยางซึ่งทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ จับจองที่นั่งประจำตำแหน่งเธอพาย ฉันนั่งให้กำลังใจเพื่อน ส่วนทีมไหนมีผู้หญิงมากกว่าได้นำเรือออกสู่ลำน้ำก่อนทีมที่มีผู้ชายเยอะออกตัวสุดท้าย ระหว่างเส้นทางมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับธรรมชาตินั่งเรือชมทิวทัศน์สองข้างทาง ศึกษาวิถีชีวิตริมน้ำ มีพรรณไม้นานาชนิด และการแข่งขันแรลลี่เรือยางในครั้งนี้ผู้ร่วมแข่งขันต้องผ่านกิจกรรมฐานพิเศษด้วย ถึงจุด Finish ณ ท่าเรือ บ้านสวน ริเวอร์ รีสอร์ท ซึ่งด่านสุดท้ายนี้เองที่เรียกเสียงเชียร์ เฮ..ฮา กันอย่างสนุกสนาน โดยแต่ละทีมจะต้องคัดเลือกส่งตัวแทนไม่เพียงหน้าตาดีครบ 32 เท่านั้น ต้องมีคุณภาพมากด้วยความสามารถพิเศษรอบด้านแบบว่าหาตัวจับยากกันเลยทีเดียว เพื่อลงสนามประลองฝีมือ " การแข่งขันตำส้มตำ" แต่ละคนจะจับฉลากเมนูส้มตำที่ได้รับขึ้นมา และต้องทำให้อยู่ในราคาจานละ 30 บาท พร้อมโชว์ลีลาท่าเต้นทีเด็จ เอาใจคนดูชนะใจกรรมการด้วยนะ ส่วนรสชาติจะเป็นเช่นไรนั้นสีหน้ากรรมการแสดงออกมาได้ชัดเจนตรงที่สุดแล้ว ส่วนพิธีมอบรางวัลผู้ชนะเราออกเดินทางสู่ โรงแรมแก่งกระจานคันทรีคลับ (ไทยไดมอนด์แลนด์ แก่งกระจาน) ในบรรยากาศแสงสีเสียง " ESSILOR & EYEBIZ NIGHT PARTY " ดูเหมือนผู้ร่วมงานจะลืมความเหน็ดเหนื่อย จากการเดินทางและพายเรือ เพลิดเพลินกับอาหาร ดับกระหายด้วยเครื่องดื่ม พร้อมดนตรีจังหวะเล้าใจมันในอารมณ์ ช่วยปลุกจิตวิญญาณที่แอบซ้อนอยู่ข้างใน ปลดปล่อยออกมาเต้นสนุกสนานกันให้เต็มที่ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าเมืองเพชรบุรี กินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางไปเที่ยว "ตลาดบางหลวง ร.ศ. ๑๒๒ บ้านเก่าเหล่าเต๊งไม้" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน (แม่น้ำสุพรรณบุรี) เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวไทย และชาวจีน บ้านเรือนที่อยู่อาศัยจะเป็นบ้านสองชั้นหันหน้าเข้าหากัน โดยสร้างตลาดบนก่อนเป็นตลาดแรก เมื่อตลาดมีความเจริญรุ่งเรืองชุมชนเริ่มขยาย มีตลาดกลาง และได้มีการสร้างตลาดล่างตามลำดับ ปัจจุบันยังคงสภาพความสวยงามและบรรยากาศ ของสถาปัตยกรรมตลาดเก่าในอดีตคงไว้อย่างสมบูรณ์ ทั้งรูปแบบวิถีชีวิต ที่เรียบง่าย การค้าขายของคนในชุมชน รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรม ที่ผสมกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมไทย-จีนที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ก็ยังคงเอกลักษณ์ด้านต่างๆเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านศรีเจริญผล ชมสาธิตการ " ตีเหล็กกระหน่ำแรง โชติช่วงแสงร้อนถ่านเผา เปลี่ยนรูปจากแท่งเพลา ขูดคมเข้าได้รูปทรง " ถ้อยคำของชายตีเหล็ก...เจ๊กลากรถ คุณประพันธ์ ผู้ดูแล พิพิธภัณฑ์บ้านเก่าเล่าเรื่อง เป็นบ้านที่เก็บรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ความเป็นมาของคนบางหลวงในอดีต นับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ของตลาดบางหลวง และการละเล่นดนตรีจีนของเยาวชน ในบ้านดนตรีจีน เป็นที่เก็บรวบรวมเครื่องดนตรี ตัวโน๊ตจีนโบราณซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน เป็นต้น
ตลาดบางหลวง ร.ศ. ๑๒๒ ได้รับสมญานาม "ดินแดนแห่งขนมหวาน อาหารอร่อย" เพราะมีอาหารถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวบางหลวงอร่อยๆมากมายในแบบฉบับของต้นตำหรับดั้งเดิมอาทิเ " ชุนเปี๊ยะ "สูตรจีนโบราณไส้ข้างในจะทำมาจากใบกุยช่ายผัด กุ้งแห้ง และหมูหั่นชิ้นบางๆ เมื่อนำแผ่นแป้งมาม้วนแล้วทอดให้กรอบ รสชาติจะกลมกล่อมมีทั้ง เค็ม มัน กรอบนอก นุ่มใน รสชาติ ชวนชิม , ข้าวเกรียบปากหม้อ ไส้ผัก , หมูสะเต๊ะ , เป็ดพะโล้ , ก๋วยจั๊บ , ขนมจีบ , น้ำพริกเผากระเทียมโทน , กาแฟสูตรโบราณ และบ้านขนมไทยลลิตา ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ที่ทำใหม่สดทุกวันไว้ให้ผู้มาเยือนได้นำกลับไปเป็นของฝาก ทำให้ตลาดบางหลวงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาว จังหวัดนครปฐม
ปิดทริปความสนุกครั้งนี้ด้วยการไปเยี่ยมชม Miracle Thailand จังหวัดนครปฐม ความสวยงามของ "พระราชวังสนามจันทร์" ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่น สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนบริเวณที่คาดว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่เรียกว่า "เนินปราสาท" เพื่อเป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ และเมื่อบ้านเมืองถึงยามวิกฤตหลังจากพระองค์สวรรคต พระราชวังสนามจันทร์ใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการต่าง ๆ ของจังหวัดนครปฐม รวมทั้ง เป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งกรมศิลปากรได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้พระราชวังสนามจันทร์ เป็นโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง สิ่งก่อสร้างสำคัญภายในอาทิ พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกในบริเวณของพระราชวังสนามจันทร์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นแบบตะวันตก แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศเมืองร้อน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2450 พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และที่ออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2458 มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ บริเวณระเบียงชั้นสองด้านหน้าพระที่นั่งพิมานปฐม มองเห็นเทวาลัยคเณศร์ เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์ และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อมองจากพระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
ปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักพระราชวัง สิ่งก่อสร้างสำคัญภายในอาทิ พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกในบริเวณของพระราชวังสนามจันทร์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้นแบบตะวันตก แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศเมืองร้อน สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2450 พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่ประทับ ที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และที่ออกให้ราษฎรเข้าเฝ้าฯ โดยเฉพาะก่อนเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชย์สมบัติ จนถึงปี พ.ศ. 2458 มากกว่าพระที่นั่ง และพระตำหนักองค์อื่นๆ บริเวณระเบียงชั้นสองด้านหน้าพระที่นั่งพิมานปฐม มองเห็นเทวาลัยคเณศร์ เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ การประพันธ์ และเป็นผู้ขจัดอุปสรรคทั้งมวล เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งพระราชวังสนามจันทร์ เมื่อมองจากพระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เป็นพระตำหนักที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พระตำหนักและพระที่นั่งในพระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสนามใหญ่ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2451 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ จุดเด่นของพระตำหนักองค์นี้ คือ สถาปัตยกรรมที่มีลักษณะคล้ายกับปราสาท ซึ่งเป็นการผสมระหว่างศิลปะเรอเนซองส์ของฝรั่งเศส กับอาคารแบบฮาล์ฟ ทิมเบอร์ของอังกฤษ แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย
สามารถสอบถามดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร.0 2250-5500 หรือเบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย โทร 1672 www.tourismthailand.org และ www.เที่ยวภาคกลาง.com
เรื่อง & ภาพ : วุฒิภัทร วิมุกตานนท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น